|
การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน |
|
|
|
|
|
|
|
การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน |
|
|
- ศึกษาหลักการทำงานเพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องปรับอากาศในแต่ละรุ่น |
|
- เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม |
|
- เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ติดฉลากแสดงว่ามีประสิทธิภาพ และรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง |
|
- เครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 25,000 บีทียู/ชม. ควรเลือกซื้อเครื่องที่
ติดฉลากแสดงค่าประสิทธิภาพหมายเลข 5 |
|
- เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 25,000 บีทียู/ชม.
ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีการใช้ไฟไม่เกิน 1.40 กิโลวัตต์ต่อ 1 ตัน |
|
- ความเย็นหรือมีค่า EER (Energy Efficiency Ratio) ไม่น้อยกว่า 8.6 บีทียู ชม./วัตต์
โดยดูรายละเอียดได้จากผู้จำหน่าย |
|
- มีคู่มือการใช้งานเพื่อการประหยัดพลังงานและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ |
|
- เลือกขนาดให้เหมาะสมกับขนาดของครัวเรือน และพื้นที่ใช้สอย |
|
- เลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องโดยทั่วไป
โดยขนาดความสูงของห้องปกติสูงไม่เกิน 3 เมตร ควรเลือกดังนี้ |
|
พื้นที่ 13-15 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 8,000 บีทียู |
พื้นที่ 16-17 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 10,000 บีทียู |
พื้นที่ 20 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 12,000 บีทียู |
พื้นที่ 23-24 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 14,000 บีทียู |
พื้นที่ 30 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 18,000 บีทียู |
พื้นที่ 40 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 24,000 บีทียู |
|
|
- หรือเลือกโดยที่มีความสัมพันธ์กับการใช้งานต่าง ๆ ของเครื่องปรับอากาศ
ที่ใช้ทำความเย็นให้แก่ห้องต่างๆ ภายในบ้าน โดยเฉลี่ย ความสูงของห้อง
โดยทั่วไปที่ 2.5-3 เมตร อาจประมาณคร่าวๆ จากค่าต่อไปนี้ |
|
- ห้องรับแขก ห้องอาหาร ประมาณ 15 ตร.ม./ตันความเย็น |
|
- ห้องนอนที่เพดานห้องเป็นหลังคา ประมาณ 20 ตร.ม./ตันความเย็น |
|
ห้องนอนที่เพดานห้องเป็นพื้นของอีกชั้นหนึ่ง ประมาณ 23 ตร.ม./ตันความเย็น |
|
|
|
การใช้เครื่องปรับอากาศให้มีการประหยัดพลังงาน |
|
- ศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด ทำความเข้าใจถึงหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า |
- ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้งานเพื่อการประหยัดพลังงานอย่างเคร่งครัด |
|
|
|
การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
|
การติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ผิดวิธีโดยเฉพาะในเครื่องแบบแยกส่วน
นอกจากจะทำให้เครื่องทำความเย็นได้น้อยลงแล้วยังสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นอีกด้วย
จึงควรให้ความสนใจดังรายละเอียดต่อไปนี้ |
|
1.ควรติดตั้งแฟนคอยล์ยูนิต และคอนเดนซิ่งยูนิตของเครื่องแบบแยกส่วนให้ใกล้กันมากที่สุด
จะทำให้เครื่องไม่ต้องทำงานหนักในการส่งสารทำความเย็นให้ไหลไปตามท่อ ทั้งยังลดค่าใช้จ่าย
ในการเดินท่อและหุ้มฉนวนตลอดจนลดโอกาสการรั่วของสารทำความเย็น |
|
2.หุ้มท่อสารทำความเย็นจากคอนเดนเซอร์ไปยังแผงท่อทำความเย็น (Cooling Coil)
ของเครื่องแบบแยกส่วนด้วยฉนวนที่มีความหนาประมาณ 0.5 นิ้ว หรือตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
เพื่อป้องกันมิให้มีสารทำความเย็นภายในท่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับอากาศภายนอกตามเส้นท่อ |
|
3.ตำแหน่งติดตั้งคอนเดนซิ่งยูนิต(หรือเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง) ควรอยู่ในที่ร่ม
ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง แต่อากาศภายนอกสามารถถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรอยู่ในที่อับลม
หรือคับแคบ ที่ว่างโดยรอบเครื่องต้องเพียงพอตามที่ผู้ผลิตแนะนำ |
|
4.ในสถานที่ซึ่งมีการติดตั้งคอนเดนซิ่งยูนิต (หรือเครื่องแบบหน้าต่าง)หลายๆ ชุด
ต้องระวังอย่าให้ลมร้อนที่ระบายออกจากเครื่องชุดหนึ่งเป่าเข้าหาเครื่องอีกชุดหนึ่ง
ควรให้ลมร้อนจากแต่ละเครื่องเป่าออกได้โดยสะดวก |
|
5. ในบางสถานที่ซึ่งมีลมพัดแรงตลอดเวลาในทิศทางเดียว ควรติดตั้งคอนเดนซิ่ง ยูนิต
(หรือเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง) ให้อากาศร้อน
ระบายออกจากตัวเครื่องอยู่ในทิศเดียวกับ กระแสลม อย่าให้ปะทะกับลมธรรมชาติ
เพราะจะทำให้เครื่องระบายความร้อนได้ลำบาก |
|
6.ตำแหน่งติดตั้งแฟนคอยล์ยูนิต ( หรือเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง )
ต้องให้ลมเย็นที่จ่ายออกจากตัวเครื่องสามารถกระจายไปทั่วทั้งห้อง |
|
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณข้อมูล ...... |
http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=258 |
http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=258
|
*** |
*** |
|
|
|
|
|
|
|
***** |
|
|